ผู้เข้าชม : 3749 ครั้ง วันที่สร้าง : 05/01/2016 14:41  

        * ตอนที่ทราบว่าลูกเป็นภูมิแพ้ต้องทำอย่างไร? 

        คุณแม่-ตอนที่ยังไม่ได้เข้าโรงเรียน เขากินอาหารตามที่เราให้ ยังเป็นเรื่องง่าย แต่พอเข้าโรงเรียนแล้วเพื่อนมีเบิร์ธเดย์ปาร์ตี้ เขามองเพื่อนกิน คุณพ่อก็สะเทือนใจมาก เราบอกว่าให้ลูกกินวุ้นเส้นแทนแล้วกันแต่สามีบอกว่าไม่ได้ ไหนๆเราก็มีโรงแรมของเราอยู่แล้ว ก็ให้ฝึกเชฟทำขึ้นมา
        คุณพ่อ-ผมจ้างเชฟทำขนมมาเลย 1 คน ให้ทำเค้กที่ไม่ใช้แป้งสาลี ห้ามใส่นม ห้ามใส่ไข่ ห้ามใส่กลูเตน
        ห้ามใส่ถั่ว แล้วก็ห้ามเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่เกียวข้องกับทะเลทั้งหมด เชฟก็มองหน้าผม (หัวเราะ)
        บอกว่าเค้กถ้าไม่มีกลูเตนมันก็ปั้นไม่เป็นก้อน แรกๆ เราบอกว่าแต่เมืองนอกยังมีต้องทำได้สิ เลยสั่งซื้อแป้งจาก
        ออสเตเรียมาลองทำ พอชิมกันแล้วก็นั่งมองหน้ากันมัน...ไม่อร่อย

                                  

        * คุณพ่อลงมือทำเอง?

        คุณพ่อ-ไม่ครับ ผมทำอาหารไม่เป็น มีหน้าที่ชิมอย่างเดียว สูตรนี้ไม่อร่อย ไม่เอา ลองใหม่ คือให้เขาทำแล้วเราชิม จนพัฒนาขึ้นมา

        คุณแม่-คือพอใช้แป้งกลูเตนฟรีจากออสเตเรียแล้วมันมีกลิ่นหืน ทั้งๆที่ยังไม่หมดอายุ เราไม่ไหวก็เลย
        ลองเปลี่ยน

        คุณพ่อ-ตอนนั้นตัดสินใจว่าต้องเปลี่ยนแล้วผมเลยเริ่มใหม่โดยสังเกตุจากลูกว่า ลูกกินข้าวได้ งั้นใช้แป้งข้าวเจ้า เชฟบอก คุณปริญถ้าใช้แป้งข้าวเจ้ามันร่วนปั้นเป็นก้อนไม่ได้ เราเลยหาสิ่งที่มันประสานกับแป้งที่จะปั้นเป็นก้อนได้ ก็ได้กล้วยหอมเพราะใช้ไข่ไม่ได้ 

                                                                              
         * ได้สูตรจากไหน? 

        คุณพ่อ-คิดเองครับ (หัวเราะ) คือผมนึกถึงเค้กกล้วยหอมที่เคยกินตอนเด็กๆ แล้วลูกเรากินกล้วยน้ำว้า
        ทุกวันอยู่แล้วก็ลองผสม เอาสัดส่วนที่มันใช่ ตั้งแต่ปั้นไม่เป็นก้อนจนปั้นได้เป็นก้อนแต่แข็งไป ค่อยๆทำจนได้สูตรออกมา  

        * เอาช่วงเวลาไหนมาทดลอง?

        คุณพ่อ-ทุกวันอังคารผมจะต้องเข้ามาประชุมอยู่แล้ว ประชุมเสร็จผมก็นั่งอยู่กับเชฟเกือบสองชั่วโมงพอเค้าเริ่มทำได้ ผมก็ส่งไปให้อีกออฟฟิศหนึ่งลองชิมดูว่าใช้ได้หรือเปล่า
        คือเมื่อเมื่อ 6 ปีทีี่แล้วเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ใหม่มากๆ เราไปซื้อร้านอื่นมาก็แพ้อยู่ดี เลยลองทำเองดีกว่าโจทย์คือ ต้องได้เท่านั้น !!!

        * กว่าจะได้ออกมาเป็นเค้กอย่างทุกวันนี้?

        คุณแม่-เราพัฒนาสูตรมาเรื่อยๆ ตอนแรกๆรสชาติจะ อือหือ... 

        คุณพ่อ-ต้องใช้คำว่า ไม่อร่อย แล้วลูกผมเซนซิทีฟมาก คือ แค่ผงแป้งสาลีก็ไม่ได้ ฉะนั้น ห้องที่ทำเค้กผมทำเหมือนคลีนรูมเลย อะไรที่เราบอกว่าไม่ใส่คือห้ามเอาเข้าไปเลย ในนั้นมีเฉพาะของที่ลูกกินได้เท่านั้นและของที่จะทำเท่านั้น ส่วนเค้กอื่นๆ ก็แยกห้องทำไปเลย เชฟจะเข้าไปก็ต้องเปลี่ยนชุดก่อน
        จริงๆตอนแรกผมไม่คิดว่าต้องแยกอุปกรณ์ คือใช้เครื่องปั่นแป้งเครื่องเดียวกันระหว่างแป้งสาลีกับ
        แป้งธรรมดา ขนาดล้างสะอาดมากแล้วนะครับ แต่ที่แปลกใจคือบางก้อนกินได้ บางก้อนกินไม่ได้ ทั้งๆที่ทำ
        ออกมาล๊อตเดียวกัน จนนั่งคุยกับเชฟ ค่อยๆ หาสาเหตุ จึงตัดสินใจแยกอุปกรณ์ ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่แพ้เลย 

        * อะไรที่ทำให้ตัดสินใจเปิดร้าน?

        คุณพ่อ-เราทำกินเองประมาณ 1 ปีก่อนจนมันเริ่มโอเค ก็เริ่มคิดว่าเราน่าจะแบ่งปันความสุขให้กับคนอื่น ผมเห็นลูกตอนได้กินเค้กแล้วหน้าตามีความสุขมาก ดีใจมากที่ได้กินเหมือนคนอื่น

        คุณแม่-เขาแฮปปี้มาก ยังจำครั้งแรกที่ลูกได้กินเค้ก เขาตื่นเต้นมาก รีบกินแล้วก็ร้องขออีก เราเห็นแล้วแทบร้องไห้ สงสารลูกมาก

        คุณพ่อ-เราเองตอนนั้นยังอดคิดไม่ได้เลยว่าทำไมลูกเราต้องเป็นแบบนี้ ทำไมกินเหมือนเด็กคนอื่นไม่ได้ และนี้คือเหตุผลที่โจทย์คือ " ต้องทำได้เท่านั้น " เลยมีความคิดว่าถ้าเราทำให้เด็กคนอื่นมีความสุข น่าจะช่วยให้ลูกเราหายแพ้เร็วขึ้น นั่นเป็นความเชื่อ แล้วก็ทำมาเรื่อยๆ ก็เหมือนแบ่งปันความสุขให้กับเด็กคนอื่นบ้าง

        * ผลตอบรับดีมาก?

        คุณพ่อ-ลูกค้าก็เพิ่มมากขึ้นเรืื่อยๆ คือทำขนมผมเน้นที่รสชาติต้องอร่อยด้วย ผมไม่อยากให้เขารู้สึกว่าเวลาที่ไปกินขนมของเพื่อนแล้วอร่อยกว่าที่เขากิน อยากให้เขารู้สึกว่าที่เขากินก็อร่อย แต่อร่อยคนละแบบ
        บางคนถามว่าถ้าเชฟลาออกล่ะ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ออกก็ออก ทำไม่ได้ก็เลิก ซึ่งเชฟคนแรกที่
        อยู่มาด้วยกัน ออกไปแล้ว คนต่อมาก็ยังทำได้อยู่รสชาติยังเหมือนเดิมเพราะเราชิมรสชาติตลอด ซึ่งจริงๆแล้วผมไม่ได้หวง แต่ผมจะบอกเขาว่าถ้าเราทำให้เด็กภูมิแพ้จริง ต้องทำให้เขามั่นใจว่าเราทำขนมที่ปลอดจาก
        สิ่งนั้นจริงๆ เพราะเวลาเขาแพ้บางคนถ้าแพ้หนักๆ ถึงกับเสียชีวิตก็มี เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

        * มองธุรกิจนี้ต่อยอดอย่างไร?

        คุณพ่อ-ตอนนี้คือทำให้เพื่อนๆ ลูกกับแฟนคลับขนมอย่างนี้ผมบอกได้เลยว่าไม่สามารถทำเป็นอาชีพได้ คือเอากำไรเยอะก็ได้นะ แต่ผมสงสารเขา ลูกเขาแพ้แบบนี้ก็โชคร้ายพอแล้ว เราก็ขายแค่พอมีกำไรพออยู่ได้
        ก็พอแล้ว ตราบใดที่ยังทำได้ก็ทำ 
          

          

แอสเทร่า
เลขที่ 143 ถนนสาทรใต้ ยานนาวา สาทร กรุงเทพมหานครฯ
เบอร์โทรศัพท์ : 02-212-7090 เบอร์แฟกซ์ : 02-212-3340
Copyright @ 2013 AllergyFree Sweets. All rights reserved. Web Design By WingPlusSolution